ในช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ที่กรุงเบอร์ลินของเยอรมนีได้เกิดกระแสการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจครั้งใหญ่ เมื่อพลเมืองได้ร่วมกันออกมาผลักดันแคมเปญแบนรถยนต์ ในพื้นที่กลางกรุงเบอร์ลิน ภายใต้ความหวังที่จะลดมลพิษและเพิ่มพื้นที่ให้คนใช้ชีวิต
แคมเปญในครั้งนี้ เป็นผลงานที่ถูกก่อตั้งขึ้นโดยกลุ่มรณรงค์ Berlin Autofrei ซึ่งเล็งเห็นว่า ในปัจจุบันทางรัฐบาลกำลังมีเป้าหมายที่จะลดการปล่อยมลพิษจากการขนส่งอยู่ แต่การลดมลพิษที่ว่าจะเป็นจริงได้ต่อเมื่อรถในประเทศเปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้าให้ได้ 50%
ซึ่งหากดูจากการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันที่มีอยู่แค่ 1.3% การจะทำตามเป้าหมายที่ว่าภายในปีหน้าก็คงแทบจะเป็นไปไม่ได้
ดังนั้นทางประชาชนจึงตัดสินใจออกมาช่วยออกแนวคิดลดการปล่อยมลพิษอีกทาง โดยแทนที่จะรอการเปลี่ยนรถ พวกเขาได้ออกมาเรียกร้องให้มีการแบนรถยนต์ส่วนตัวในพื้นที่ 88 ตร.กม. กลางเมือง ซึ่งล้อมรอบด้วยวงแหวนทางรถไฟ S-Bahn อยู่แล้ว ไปเสียเลย
ซึ่งหากแคมเปญนี้ผ่านการอนุมัติรถยนต์ส่วนตัวแทบทุกชนิด (รวมถึงรถไฟฟ้าด้วย) จะไม่สามารถวิ่งในพื้นที่ใจกลางกรุงเบอร์ลินได้เว้นแต่ในกรณีฉุกเฉิน ในขณะที่คนที่เหลือจะได้รับอนุญาตให้เช่ารถได้ 12 ครั้งต่อปี หากต้องใช้รถจริงๆ อย่างการย้ายบ้าน
นี่นับว่าเป็นแคมเปญที่ฟังดูค่อนข้างสุดโต่งเลยก็จริงอยู่ แต่ในตอนนี้แคมเปญดังกล่าวก็ได้รับสนับสนุนจากพลเมืองแล้วกว่า 50,000 รายชื่อแล้ว ภายในการล่ารายชื่อขั้นแรกเพื่อการนำเสนอกฏหมายต่อรัฐ (ซึ่งต้องการผู้ลงนามอย่างน้อย 20,000 ราย)
แถมทางกลุ่มรณรงค์ Berlin Autofrei เองก็ดูเหมือนจะไม่แค่นี้ด้วยเพราะในปัจจุบันพวกเขากำลังตั้งเป้าที่จะล่ารายชื่อพลเมืองให้ได้ถึง 170,000 รายชื่อ
ซึ่งจะทำให้ในกรณีที่ภาครัฐไม่ยอมบังคับใช้กฎหมาย โครงการนี้จะต้องถูกนำไปลงคะแนนเสียงสาธารณะอีกที
และหากทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ในอนาคตอันใกล้นี้เราก็อาจจะได้เห็นใจกลางกรุงเบอร์ลินกลายเป็นเขตปลอดรถที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยก็ได้
ที่มา
www.theguardian.com/world/2021/oct/06/berlins-car-ban-campaign-its-about-how-we-want-to-live-breathe-and-play
insider-voice.com/berlin-car-ban-campaign-its-about-how-we-want-to-live-breathe-and-play-germany/
volksentscheid-berlin-autofrei.de/wie.php?lang=en