หมอไม่ยอมออกใบรับรองแพทย์ให้คนไข้ อ้างว่าเธอแต่งตัวเซ็กซี่เกินไป-เหมือนแกล้งป่วย

บางสถานที่อาจมีกฏหรือข้อห้ามในการแต่งตัวสำหรับคนที่จะเข้าพื้นที่ แต่โรงพยาบาลมีกฎอย่างนั้นด้วยหรือ?

เมื่อเร็วๆ นี้ หญิงสาวชาวมาเลเซียรายหนึ่ง ได้แชร์ประสบการณ์ผ่านทวิตเตอร์ @mimssss98 ว่า เธอถูกโรงพยาบาลปฏิเสธออกใบรับรองแพทย์ให้ เพราะชุดที่เธอใส่มานั้น เซ็กซี่เกินไป

หญิงสาวเล่าว่า เธอทำงานเป็นพยาบาลที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในปีนัง ประเทศมาเลเซีย และเมื่อเร็วๆ นี้ ต้องการนำใบรับรองไปยื่นให้ที่ทำงาน ซึ่งใบรับรองแพทย์นั้น ต้องออกโดยคุณหมอในโรงพยาบาลที่ทำงานอยู่เท่านั้น

แต่ปรากฏว่า เมื่อเธอเดินเข้าไปที่แผนกฉุกเฉิน หัวหน้าของแผนกนี้ปฏิเสธการตรวจร่างกายให้เธอ โดยอ้างว่า การแต่งตัวของเธอนั้น ดูเซ็กซี่เกินกว่าจะเป็นคนป่วย อีกทั้งยังบอกว่า เธอแค่แกล้งป่วยเพื่อเอาใบรับรองแพทย์เท่านั้น

หลังจากเรื่องนี้กลายเป็นประเด็นร้อนในโซเชียล ทางทีมข่าวของ WORLD OF BUZZ ได้สอบถามข้อเท็จจริงกับหญิงสาวคนดังกล่าว และทราบว่าเมื่อวันที่ 1 มกราคม ที่ผ่านมา เธอรู้สึกไม่สบาย อาการแย่มาก และอาเจียนไปถึง 6 ครั้ง

ต่อมาเพื่อนจึงพาเธอไปโรงพยาบาล ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่เธอทำงานอยู่

ระหว่างที่อยู่ในโรงพยาบาล คุณหมอทำเพียงสั่งยาให้เธอเท่านั้น และเมื่อเธอถามว่า ‘ขอใบรับรองแพทย์ได้มั้ย’ หมอตอบว่า ‘ไม่จำเป็น เพราะเธอได้รับยาไปแล้ว’

ชุดที่หญิงสาวใส่ไปโรงพยาบาล

หญิงสาวจึงไปพูดกับหัวหน้าของเธอว่า ขอลางานได้มั้ยเพราะเธอรู้สึกไม่สบายจริงๆ แต่หัวหน้าตอบว่า “ถ้าหมอไม่ออกใบรับรองแพทย์ให้เธอ เราจะทำอะไรได้ล่ะ” จากนั้นก็บอกให้เธอกลับมาอีกครั้งในเวลา 9.00 น.

กลับมาครั้งนี้ หญิงสาวได้พบกับหมออีกคน ซึ่งในที่สุดเธอก็ได้ใบรับรองแพทย์ และเธอก็นำไปยื่นให้หัวหน้าก่อนจะกลับไปพักผ่อนที่บ้าน

อย่างไรก็ตาม เพียงไม่นาน เพื่อร่วมงานคนหนึ่งก็โทรไปแจ้งกับหญิงสาวว่า ใบรับรองแพทย์ของเธอถูกปฏิเสธ เพราะหัวหน้าบอกให้หัวหน้าอีกคนเซ็นไม่อนุมัติ ด้วยเหตุผลที่เหมือนก่อนหน้านี้ คือ เธอแต่งตัวเซ็กซี่เกินไป

หญิงสาวพยายามอธิบายว่าเธอรีบมาโรงพยาบาลจนไม่มีเวลาเปลี่ยนชุด อีกทั้งชุดที่เธอใส่ก็ไม่ได้สั้นเกินไปและไม่ได้เห็นเนินอกมากเกินไปด้วย

แต่สุดท้ายพวกเขาก็ตอบเธอมาสั้นๆ ว่า “ชุดที่เธอใส่ไม่เหมาะที่จะมาขอใบรับรองแพทย์”

เมื่อเป็นแบบนี้หญิงสาวก็อะไรไม่ได้ นอกจากทำใจ และถามเพื่อนๆ ชาวเน็ตว่า ชุดที่เธอใส่ มันเซ็กซี่เกินไปจริงๆ หรอ?

ที่มา worldofbuzz, neotizen