ย้อนกลับไป เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2020 เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รัฐยูทาห์ได้รับการแจ้งเหตุหญิงสาววัย 47 ปี คนหนึ่งหายตัวไปอย่างลึกลับที่จุดตั้งแคมป์ในพื้นที่หุบเขา Spanish Fork Canyon ทิ้งไว้ซึ่งรถและอุปกรณ์สำคัญหลายชิ้น
เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เจ้าหน้าที่ต้องแร่งปฏิบัติการค้นหาผู้หญิงคนนี้ทั้งทางภาคพื้นดินและทางอากาศ เนื่องจากในช่วงนั้นเป็นฤดูหนาวซึ่งอันตรายมากต่อคนหลงป่า แต่ก็ไม่พบหลักฐานใดๆ ของเธอเลย
แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปได้ราวๆ 5 เดือน เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2021 หลังจากที่หลายคนเลิกหวังที่จะพบผู้หญิงคนนี้แล้ว จู่ๆ เจ้าหน้าที่ก็พบผู้หญิงที่หายไปโดยบังเอิญ ภายในเต็นท์กลางป่า และเธอก็ยังมีชีวิตอยู่เสียด้วย
อ้างอิงจากรายงานของเจ้าหน้าที่พวกเขาพบหญิงสาวที่หายไปรายนี้ ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่เดินทางออกไปตามหาโดรนสำรวจที่ใช้ในการหาคนหาย ซึ่งทำงานขัดข้องและตกลงไปในหุบเขา
โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่เดินขึ้นเนินริมธารน้ำ พวกเขาได้พบกับเต็นท์เก่าๆ อันหนึ่งซึ่งในตอนแรกเจ้าหน้าที่คิดว่่าเป็นเต็นท์ร้าง ก่อนจะต้องแปลกใจที่ซิปของเต็นท์ถูกเปิดออก และมีผู้หญิงที่พวกเขากำลังตามหาโผล่ออกมา
ผู้หญิงซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่เปิดเผยนามคนนี้ ในปัจจุบันอยู่ในสภาพที่ผอมแห้งและดูอ่อนแรง แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามเธอก็สามารถเอาตัวรอดอยู่ได้เกือบครึ่งปีแถมผ่านพ้นฤดูหนาวในป่าได้อีก ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก
เธออธิบายกับเจ้าหน้าที่แบบสบายๆ อย่างไม่น่าเชื่อว่าเธอนั้น เริ่มอาศัยในเต็นท์ “ด้วยความเต็มใจ” ตั้งแต่การหายตัวไปของเธอ โดยเธอต้องเผชิญกับอุณหภูมิต่ำในฤดูหนาวที่รุนแรง
และอาศัยการทานตะไคร่น้ำ และหญ้าเป็นอาหาร ในขณะที่ได้น้ำจากลำธารบริเวณใกล้เคียงประทังชีวิต
ไม่มีรายงานว่าเพราะเหตุใดหญิงสาวคนนี้ถึงได้มากางเต็นท์อยู่กลางป่าได้ แต่จากคำบอกเล่าของเพื่อนร่วมงาน และตัวหญิงสาวเองเจ้าหน้าที่ก็เชื่อว่าเธอนั้นน่าจะมีอาการทางจิตและเข้ามากางเต็นท์เองจริงๆ ไม่ได้หลงป่า
ซึ่งสำหรับจุดนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็ระบุไว้ด้วยว่าการกระทำของเธอนั้นแม้จะไม่ผิดกฎหมาย แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ใช่เรื่องที่ใครสมควรจะทำตามนัก
ดังนั้นในปัจจุบันทางเจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจที่จะนำตัวหญิงสาวคนนี้กลับสู่สังคมอีกครั้ง โดยในปัจจุบันพวกเขาได้นำเธอไปเข้ารับการรักษาและตรวจสอบสุขจิตที่โรงพยาบาล ก่อนจะดำเนินการอื่นๆ ต่อไปอีกที
รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจาก FOX 13 News Utah
“เราขอกล่าวให้ชัดเจนว่าแม้ว่าหลายคนอาจไม่อยากอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกับที่ผู้หญิงคนนี้ทำ
แต่เธอก็ไม่ได้ทำอะไรที่ขัดต่อกฎหมาย
และในอนาคตเธออาจเลือกที่จะกลับมาที่นี่ได้ซึ่งในกรณีนั้นเราได้เตรียมทรัพยากรสำหรับเธอ
ในกรณีที่เธอตัดสินใจจะใช้งานมันไว้ให้แล้ว”
สำนักงานนายอำเภอยูทาห์ระบุ
ที่มา ntd, fox13now และ odditycentral