ในยุคที่โรคโควิด-19 ยังคงจัดเป็นปัญหาสำคัญของหลายๆ ประเทศเช่นนี้ “วัคซีน” ได้กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ ที่ผู้คนในหลายประเทศยังคงหวังกันเป็นอย่างมากที่จะได้รับ
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามในประเทศอย่างแคนาดา ก็ดูจะมีประชาชนไม่น้อยเช่นกันที่ดูจะไม่เห็นด้วยกับการฉีดวัคซีนนัก
เพราะล่าสุดนี้เองในกรุงออตตาวา รัฐบาลแคนาดาก็กำลังอยู่ในภาวะฉุกเฉิน เนื่องจากเกิดการชุมนุมประท้วงต่อต้านมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ของรัฐบาล ที่บังคับให้คนในประเทศบางกลุ่มต้องฉีดวัคซีนอยู่
การประท้วงในครั้งนี้ จริงๆ แล้วเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคม 2022 ที่ผ่านมา เมื่อแคนาดาออกกฎหมาย กำหนดให้คนขับรถบรรทุกที่ข้ามพรมแดนต้องได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วน
ซึ่งทำให้มีคนขับรถบรรทุกจำนวนมาก รวมตัวกันในนาม “Freedom Convoy” นำรถออกมาจอดขวางถนนประท้วง ซึ่งในเวลาต่อมาได้ขยายตัว เป็นกลุ่มต่อต้านนโยบายควบคุมโรคโควิด-19 ของรัฐทั้งหมด
ตั้งแต่การฉีดวัคซีน การใส่หน้ากาก จนถึงการล็อกดาวน์ และห้ามการชุมนุม
การรวมตัวในครั้งนี้เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ จนแม้แต่ทางตำรวจก็ออกมาบอกว่า การชุมนุมในครั้งนี้แทบจะเป็นดั่ง “การปิดล้อมเมือง” เลย
ที่สำคัญการชุมนุมนี้ก็ดูจะไม่สงบนักด้วย เพราะจนถึงปัจจุบันชาวออตตาวา หลายต่อหลายคนก็ออกมารายงานแล้วว่า ถูกผู้ประท้วงข่มขู่เนื่องจากตนใส่หน้ากาก และบรรยากาศในเมืองก็คลุ้งไปด้วยควันจากท่อไอเสียอีก
ด้วยเหตุนี้เองทางออตตาวา จึงต้องออกมาประกาศภาวะฉุกเฉินไว้ก่อน แต่ก็ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดนักว่า พวกเขาจะใช้มาตรการใดบ้าง ในการรับมือผู้ประท้วง
และแม้จำนวนผู้ประท้วงจะฟังดูเยอะก็ตามโพลสำรวจความคิดเห็นของ Abacus Data กลับพบว่าชาวแคนาดาถึง 68% ดูจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับกลุ่มผู้ชุมนุมนัก
แถมทางเว็บไซต์อย่าง GoFundMe เองก็เลือกที่จะปิดบัญชีผู้ใช้ที่ออกเรี่ยไรเงินสนับสนุน Freedom Convoy แล้วด้วย แม้จะมีผู้บริจาคเงินรวมแล้วถึง 10 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราวๆ 260 ล้านบาท) ก็ตาม