ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปี 2014 ที่ชายฝั่งของปาปัวนิวกินี ได้มีรายงานการพบเห็นลูกไฟขนาดใหญ่พุ่งลงมาจากฝากฟ้า สร้างความสับสนให้แก่ผู้มีโอกาสพบเห็นอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนจะเงียบหายไปในประวัติศาสตร์
แต่ใครจะไปคิดกันว่าหลังจากวันที่เกิดเรื่องร่วม 8 ปี เหตุการณ์ในวันนั้น จะกลับมาเป็นที่พูดถึงกันอีกครั้ง
เมื่อรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ออกมาเปิดเผยว่า “ลูกไฟ” ที่ถูกพบเห็นในปี 2014 นั้น จริงๆ แล้วเป็นชิ้นส่วนของ “วัตถุจากนอกระบบสุริยะ” และบางส่วนของมันก็ยังอาจจะหลับใหลอยู่ใต้ท้องทะเลเสียด้วย
อ้างอิงจากรายงานใหม่ของกองบัญชาการอวกาศสหรัฐฯ ตัวตนของลูกไฟที่ปาปัวนิวกินี จริงๆ แล้วถูกเสนอแนวคิดว่าอาจเป็นอุกกาบาตที่มาจากนอกระบบสุริยะตั้งแต่ในปี 2019 โดย นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์สองคนที่ฮาร์วาร์ด
ปัญหาคือในเวลานั้น งานวิจัยของพวกเขากลับไม่ได้รับการพิชญพิจารณ์ เนื่องจากการปิดกั้นข้อมูลโดยรัฐบาลสหรัฐฯ จนทำให้ตัวตนของลูกไฟดังกล่าวเพิ่งได้รับการยืนยันเมื่อไม่นานนี้เท่านั้น
เรื่องที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าทำให้หลายฝ่ายรู้สึกแปลกใจกันไม่น้อยว่าทำไมจู่ๆ รัฐบาลถึงต้องปิดกันการค้นพบวัตถุจากนอกระบบสุริยะด้วย
เพราะนักดาราศาสตร์ทั้งสองก็ระบุไว้ในวิจัยว่าวัตถุที่ตกลงมาน่าจะเป็นหินอุกกาบาตเฉยๆ ไม่ได้อ้างว่าเป็น UFO ด้วยซ้ำ แถมนี่ยังถือเป็นการค้นพบวัตถุจากนอกระบบสุริยะครั้งแรกบนโลกเลย ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องชวนยินดีควรเผยแพร่เสียอีก
แต่แม้ว่าจะมีปัญหาวุ่นวายอยู่บ้าง สุดท้ายแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นก็ถือว่าเป็นข่าวดีไม่น้อยสำหรับนักดาราศาสตร์หลายๆ คนเลย
เพราะมันหมายความว่าในอนาคตอันใกล้นี้เราอาจสามารถเก็บกู้ชิ้นส่วนวัตถุจากนอกระบบสุริยะมาวิจัยอย่างละเอียดได้ และการศึกษาวัตถุดังกล่าวก็อาจจะนำมาซึ่งความรู้ใหม่ๆ เกี่ยวกับภาวะของอวกาศนอกระบบสุริยะของเราได้ไม่ยากด้วย
ที่มา
futurism.com/government-confirms-interstellar-object
www.vice.com/en/article/dyp9ez/secret-government-info-confirms-first-known-interstellar-object-on-earth-scientists-say
www.cbsnews.com/news/first-interstellar-meteor-to-hit-earth-solar-system-space-command/