ในตอนที่นักวิทยาศาสตร์ศึกษาเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำในตระกูลกบและคางคก พวกเขาได้พบกับเรื่องชวนประหลาดใจเข้าเรื่องหนึ่ง
เมื่อมีกบจำนวนมากจนน่าแปลกใจที่พยายามจะผสมพันธุ์กับ “สิ่งที่ไม่ใช่ตัวเมีย” ตั้งแต่ ตั้งแต่รองเท้า มือของคน ไปจนถึงซากของสัตว์ชนิดอื่นๆ ที่ไม่ได้จัดอยู่ในตระกูลกบและคางคกด้วยซ้ำ
อาการเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยจนนักวิทยาศาสตร์ มีชื่อเรียกเฉพาะให้กับมันว่า “Misdirected amplexus” และมันก็เกิดขึ้นกับกบและคางคกกว่า 156 สายพันธุ์จาก 52 ประเทศทั่วโลกด้วย
นำมาซึ่งคำถามในกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ว่าเพราะอะไรกบจึงมีพฤติกรรมประหลาดๆ ที่ไม่สมเหตุสมผลเช่นนี้
นั่นเพราะตามแนวคิดการวิวัฒนาการและการคัดสรรโดยธรรมชาติ พฤติกรรมที่ไม่ทำให้เกิดลูกหลานเช่นนี้ ตามปกติน่าจะเป็นสิ่งที่ค่อยๆ หายไปกับกาลเวลา ไม่ใช่แพร่หลายเช่นนี้สิ
เพื่อหาคำตอบของเรื่องที่เกิดขึ้นนักวิทยาศาสตร์จึงเริ่มตั้งข้อสันนิษฐาน และทำการทดลองกับพฤติกรรมของกบกันแล้ว โดยในปัจจุบันแนวคิดที่เป็นไปได้ก็ได้แก่
1. กบนั้นใช้พฤติกรรมการผสมพันธุ์แบบ “ค้นหาคู่” ตัวผู้ จึงตัดสินใจผสมพันธุ์มันกับทุกอย่างที่คล้ายตัวเมียแบบไม่เรื่องมาก ซึ่งทำให้อย่างน้อยๆ พวกมันก็ไม่ขาดโอกาสในการผสมพันธุ์เพราะมัวแต่เลือก
2. ปัญหาสภาพอากาศอาจทำให้ช่วงเวลาผสมพันธุ์ของกบสั้นลง ส่งผลต่อพฤติกรรมของตัวผู้ให้ต้องผสมพันธุ์ให้มากที่สุดในเวลาที่จำกัด นำไปสู่การผสมพันธุ์กับทุกสิ่งที่พบอย่างที่เห็น
ดังนั้น ในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์จึงวางแผนที่จะตรวจสอบว่าอิทธิพลของมนุษย์ (เช่นการแย่งที่อยู่อาศัย หรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) มีความเกี่ยวข้องกับพฤติกรรม Misdirected amplexus หรือไม่
แต่สุดท้ายพวกเขาจะหาทำตอบให้แก่เรื่องนี้ได้ไหม ก็คงเป็นเรื่องที่เราต้องติดตามกันไปอีกสักพักเลย
ที่มา
www.iflscience.com/plants-and-animals/lots-of-frogs-and-toads-mate-with-things-they-shouldnt-from-boots-to-corpses/
www.newscientist.com/article/mg25433864-500-evidence-finally-collated-of-toads-mating-with-things-they-shouldnt/
esajournals.onlinelibrary.wiley.com/doi/abs/10.1002/ecy.3737