กลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวของเกาหลีเหลือ ที่กำลังได้รับความสนใจจากหลายๆ ประเทศทั่วโลกเลยทีเดียว
เมื่อในวันที่ 11 มิถุนายน 2021 ที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักได้รายงานข่าวการออกมาประกาศของนายคิม จ็อง-อึน ผู้นำของเกาหลีเหนือ ซึ่งมีใจความสำคัญว่า
อุตสาหกรรมเพลงป๊อปจากเกาหลีใต้หรือ “K-pop” นั้นเป็นมะเร็งร้ายต่อความมั่นคงของประเทศ และจากนี้ไปใครก็ตามในที่ถูกพบว่าเป็นแฟนเพลงหรือรับฟังเพลง K-pop จะต้องระวังโทษถูกส่งไปใช้แรงงาน 15 ปี เลย
อ้างอิงจากรายงานของสำนักข่าวสหรัฐฯ กฎหมายนี้คาดกันว่า ออกมาตั้งแต่ในช่วงเดือนธันวาคม 2020 ส่งผลมีคนจำนวนมากถูกส่งไปใช้แรงงานแล้ว ในขณะที่ผู้ลักลอบนำเข้าเพลง K-pop อีกจำนวนหนึ่งเอง ก็ถูกลงโทษถึงขั้นประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าไปแล้วด้วย
เท่านั้นยังไม่พอ ดูเหมือนว่าในกฎหมายข้อนี้ แม้แต่การร้องหรือเขียนเนื้อเพลงที่คิดขึ้นเองในแบบเกาหลีใต้ก็อาจจะทำให้ผู้คน ถึงกับต้องรับโทษใช้แรงงานนานถึง 2 ปี เลย
กฎหมายใหม่ดังกล่าวนี่คาดกันว่า ถูกเขียนออกมาเป็นอีกหนึ่งในความพยายามในการปิดกั้นอิทธิพลด้านวัฒนธรรมจากต่างประเทศไม่ให้แทรกซึมเข้ามาในหมู่ประชาชนนั้นเอง
โดยนายคิม จ็อง-อึน ได้กล่าวเอาไว้ว่า K-pop เป็นสิ่งที่ทำลายวัฒนธรรมอันดีในอดีตของเกาหลีเหลือไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย ทรงผม หรือวิธีการพูด ซึ่งอาจทำให้เกาหลีเหนือพังทลายได้เหมือนกำแพงแฉะๆ
อย่างไรก็ตาม เหล่าผู้เชี่ยวชาญนั้นมองว่าการกระทำของเกาหลีเหนืออาจจะมาจากความกลัวที่ว่า วัฒนธรรมจากเกาหลีใต้จะมาทำให้ประชาชนลุกฮือต่อต้านตัวเองมากกว่า
นั่นเพราะหากเพลงของเกาหลีใต้ทำให้วัยรุ่นในประเทศซึ่งเติบโตขึ้นมาในช่วงความอดอยาก รับรู้ว่าเกาหลีใต้มีความเป็นอยู่ที่ดีมากๆ มันก็อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่พวกเขาจะต่อต้านการปกครองของคิม จ็อง-อึน
“คนหนุ่มสาวชาวเกาหลีเหนือคิดว่าพวกเขาไม่ได้เป็นหนี้คิม จ็อง-อึนเลย” นายจุง กวางอิลหนึ่งในประชาชนผู้แปรพักตร์ออกมาจากเกาหลีเหนือ และกำลังช่วยลักลอบนำเข้าเพลง K-pop สู่อดีตประเทศของตันเองกล่าว
“เขาจำเป็นต้องหาทางย้ำเตือนการควบคุมทางอุดมการณ์ของเขาต่อเด็กๆ รุ่นใหม่ ถ้าเขาไม่อยากที่จะสูญเสียรากฐานสำหรับอนาคตของการปกครองประเทศของครอบครัวของเขาต่อไป””