ในขณะที่ประชาชนในประเทศไทยของเรายังคงต้องเผชิญกับปัญหาวัคซีนที่ดีไม่เพียงพอต่อความต้องการ ในประเทศแบบสหรัฐอเมริกา พวกเขาก็ต้องพบกับปัญหาในอีกรูปแบบหนึ่ง
เมื่อคนจำนวนหนึ่งในประเทศซึ่งรู้จักกันในนาม “Antivax” หรือ “Antivaxxer” พยายามทุกวิถีทางที่จะไม่ยอมฉีดวัคซีนแม้มีทางเลือกมากมาย ถึงขั้นที่ล่าสุดนี้พวกเขาถึงขั้นใช้ช่องโหว่ของกฎหมายอ้าง “ความเชื่อทางศาสนา” เพื่อเลี่ยงที่จะฉีดวัคซีนเลย
ช่องโหว่นี้ในปัจจุบันถือว่าสร้างปัญหาอย่างมากเพราะแค่ Antivaxxer อ้างว่าพวกเขาไม่ต้องการใช้วัคซีนที่ประกอบด้วย หรือทดลองกับเซลล์ของทารกที่แท้ง หลายครั้งพวกเขาก็จะสามารถได้รับการ “งดเว้นทางศาสนา” ไม่ต้องฉีดวัคซีน
ทั้งๆ ที่วัคซีนแทบทั้งหมดในปัจจุบันไม่ได้มีส่วนประกอบจากเซลล์ของทารกที่แท้ง และทดลองกับเซลล์ที่สร้างขึ้นเองในห้องทดลองไม่ใช่จากเซลล์จากทารกแบบเมื่อหลายสิบปีก่อน
(แม้ว่า Antivaxxer จะอ้างว่าสุดท้าย “เซลล์ตั้งต้น” ก็มาจากทารกในอดีตก็ตาม)
ดังนั้นเพื่อที่จะจัดการปัญหาการอ้างความเชื่อทางศาสนาในแบบของตัวเอง ล่าสุดนี้เอง โรงพยาบาลรัฐอาร์คันซอ จึงได้ตัดสินใจออกมาระบุว่าเจ้าหน้าที่คนใดของโรงพยาบาลที่จะใช้สิทธิ์งดเว้นทางศาสนาในการฉีดวัคซีน
จะต้องทำการพิสูจน์ความเชื่อ ด้วยการงดใช้ยาสามัญชนิดอื่นๆ หลายชนิดเช่น เบนาดริล (ยาแก้ไอ), ทัมส์ (ยาลดกรด) และไทลินอล (ยาบรรเทาปวดลดไข้) ไปด้วย
เหตุผลของทางโรงพยาบาลคือยาเหล่านี้ในปัจจุบันก็มีการทดลองกับเซลล์ของมนุษย์เช่นกัน ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หากยึดตามแนวคิดกลุ่ม Antivaxxer ยา “แทบทุกชนิด” จะมีความเกี่ยวข้องกับเซลล์ตั้งต้นจากทารกในอดีตนั่นเอง
นี่นับเป็นอีกหนึ่งการรับมือที่น่าสนใจเลย เพราะด้วยความที่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลมีอยู่เฉลี่ยเพียง 5% เท่านั้น ที่ต่อต้านการฉีดวัคซีนการติดตามพวกเขาจึงถือว่าทำได้ง่าย
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม หากว่ากันตามตรงในปัจจุบันเกือบทุกสถาบันทางศาสนาส่วนใหญ่ก็ล้วนแต่จะสนับสนุนวัคซีนหมดแล้วด้วย (แม้แต่พระสันตะปาปาซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องต่อต้านการทำแท้งก็สนับสนุนวัคซีน)
ดังนั้นการที่จะกลุ่ม Antivaxxer จะอ้างศาสนาเพื่อให้ตัวเองไม่ต้องฉีดวัคซีน จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลยในปัจจุบัน
ที่มา iflscience และ beckershospitalreview