เรื่องของเขตแดน เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งเขตแดนของแต่ละประเทศนั้นก็จะมีการกำหนดเอาไว้ชัดเจน เป็นข้อตกลงร่วมกัน และทุกประเทศต่างก็ต้องมีมาตรการปกป้องดินแดนของตัวเอง เพื่อไม่ให้เสียดินแดนของตัวเองไป
แต่ล่าสุด มีรายงานออกมาว่า ฝรั่งเศส ได้เสียดินแดนไป 2.29 เมตร จากการที่ชาวไร่ชาวเบลเยี่ยมรายหนึ่ง ไปย้ายหินกำหนดชายแดน ฝรั่งเศส-เบลเยี่ยม เพราะมันขวางรถแทรกเตอร์ของเขา…!?
วันที่ 4 พฤษภาคม สื่อต่างประเทศออกมาเผยว่า ผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ท้องถิ่นรายหนึ่ง ได้เข้าไปเดินป่าที่เป็นชายแดนฝรั่งเศส-เบลเยี่ยม
และพบว่า หินที่เอาไว้กำหนดเขตแดนของสองประเทศ ได้ถูกย้ายให้เข้ามาอยู่ในเขตแดนฝรั่งเศสไป 2.29 เมตร (นั่นหมายความว่า ฝรั่งเศสได้เสียดินแดนไปให้เบลเยี่ยม 2.29 เมตร!)
และเมื่อสอบถามก็ได้พบว่า มีชาวไร่เบลเยี่ยมรายหนึ่ง เป็นคนย้ายเจ้าหินบอกเขตแดนดังกล่าวที่ถูกปักเอาไว้ตั้งแต่ปี 1819 เพราะมันขวางทางรถแทรกเตอร์ของเขา
หินบอกเขตแดนดังกล่าว
ถึงอย่างนั้น การเสียดินแดนของฝรั่งเศสครั้งนี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องดราม่าอะไรอย่างใด แต่กลับสร้างรอยยิ้มให้กับคนของทั้งสองฝั่งได้
หลังได้ทราบเรื่อง David Lavaux นายกของเมืองชายแดน Erquelinnes ที่เป็นที่เกิดเหตุนั้น ก็ได้ข้ามแดนมาคุยกับ Aurélie Welonek นายกของเขต Bousignies-sur-Roc ทางฝั่งฝรั่งเศส
จากนั้น David Lavaux ก็ออกมาให้สัมภาษณ์กับช่องทีวีของฝรั่งเศสว่า “พวกเราจะแก้ปัญหาให้ไวที่สุด ซึ่งตอนนี้กำลังหาว่าใครเป็นคนย้าย ซึ่งกำลังเช็กอยู่ว่าพื้นที่นั้นเป็นที่ดินของใคร”
“พวกเราขำกับเรื่องนี้มาก มันไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น เดี๋ยวเราจะทำให้ชายแดนกลับมาเป็นเหมือนเดิมเอง การทำให้เบลเยียมใหญ่ขึ้น ฝรั่งเศสเล็กลง ไม่ใช่ไอเดียที่ดีเลย!”
“ผมก็ดีใจที่เมืองของผมใหญ่ขึ้นนะ แต่นายกของ Bousignies-sur-Roc (เขตชายแดนทางฝั่งฝรั่งเศส) คงไม่เห็นด้วยแน่”
สำนักข่าวฝรั่งเศสรายงานเรื่องหินเขตแดนถูกย้าย
ด้านฝั่งฝรั่งเศส Aurélie Welonek ก็บอกกับสื่อว่า “สองประเทศของเรามีความสัมพันธ์ที่ดี ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าห่วงมาก ฉันเชื่อว่าฝั่งเบลเยียมจะให้ชาวไร่คนดังกล่าวกลับมาย้ายหินกลับได้
“แต่ถ้าเขาไม่มา กระทรวงการต่างประเทศก็อาจจะลงมาจัดการกับเรื่องนี้!” เธอกล่าวติดตลกปิดท้าย
แต่ถึงอย่างนั้น แม้ทั้งสองฝ่ายจะไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็ต้องจัดการเรื่องให้เด็ดขาดเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องขึ้นอีก
ซึ่งทาง David Lavaux ได้ระบุว่าเขาได้ติดต่อไปหาชาวไร่คนดังกล่าวแล้ว เพื่อขอให้กลับมาย้ายหินดังกล่าวกลับไปที่เดิม แต่ถ้าชาวไร่คนดังกล่าวไม่ติดต่อมา ก็จะต้องมีการดำเนินคดีทางอาญา