‘ชานม’ ถือเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่ทำให้หลายคนติดกันงอมแงม บางคนถึงกับต้องดื่มทุกวัน ทว่าหากมันมากจนเกินไปก็อาจนำไปสู่ผลเสียที่ร้ายแรงกว่าที่คิด เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับชายคนนี้…
นี่คือเรื่องราวของ ‘ชายแซ่ถาน’ อายุ 24 ปี ผู้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลิ่วโจว เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ประเทศจีน เขาได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในวันที่ 3 พฤษภาคม 2022 ที่ผ่านมา เนื่องจากมีอาการปวดท้องรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน
แพทย์ได้ทำการตรวจร่างกาย เจาะเลือดบริเวณปลายนิ้วของเขาไปตรวจวัดค่าน้ำตาลในเลือด แต่ผลกลับออกมาว่า “ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าระดับที่เครื่องจะตรวจวัดได้” (?!)
แพทย์จึงต้องทำการตรวจเลือดทางหลอดเลือดดำ จนพบว่าเขามีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าค่าปกติถึง 4 เท่า! และถูกนำตัวส่งเข้าห้องไอซียูในทันที
สิ่งที่น่าตกใจยังไม่หมดเพียงแค่นั้น เพราะแพทย์ยังพบว่าเลือดของชายคนนี้มีลักษณะคล้ายกับน้ำนม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีภาวะไขมันในเลือดสูง ส่งผลกระทบต่ออวัยวะหลายๆ ส่วนในร่างกาย จนสภาพร่างกายของเขาราวกับคนอายุ 60 ปี
ภาวะดังกล่าวทำให้เขามีอาการของโรคร้ายแรงจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น เลือดเป็นกรด, ไตวายเฉียบพลัน, ความดันโลหิตสูง, กรดยูริกเกิน, ไขมันพอกตับ, หัวใจเต้นผิดจังหวะ, ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน และอื่นๆ
ทำไมร่างกายของเขาถึงมีสภาพแบบนี้? ปัจจัยสำคัญก็คือ “พฤติกรรมการดื่มชานม” ของเขานั่นเอง
ชายหนุ่มเล่าว่า เขาดื่มชานม “วันละ 4 แก้ว” ทุกวันติดต่อกันมานานกว่า 2 ปีแล้ว โดยเขายังบอกด้วยว่าในช่วงปีแรกนั้น บางวันเขาต้องดื่มมากถึง 6 แก้ว ถึงจะพอใจ
โดยถึงแม้ว่าเขาจะเริ่มอ้วนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ จนกระทั่งเมื่อช่วงปลายเดือนเมษายน 2022 ที่ผ่านมา เขาถึงเริ่มมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ รู้สึกไม่สบายตัว แต่ในตอนแรกก็คิดว่าแค่ป่วยทั่วๆ ไป สุดท้ายอาการจึงหนักมากอย่างที่เห็น
แม้อาการของเขาจะเรียกได้ว่าหนักหน่วง แต่หลังจากที่เข้ารักษาตัวในห้องไอซียูนาน 1 สัปดาห์ ล่าสุดเขาก็พ้นขีดอันตรายแล้ว อย่างไรก็ตามหมอก็ได้สั่งห้ามเรื่องการบริโภคน้ำตาลและไขมันที่มากจนเกินไป
รวมถึงทุกๆ คนเองก็ควรระวังในเรื่องนี้ด้วย และไม่ใช่แค่ชานม แต่หลายๆ อย่างที่มากจนเกินไปก็อาจมีผลเสียตามมาได้เช่นเดียวกัน
เรียบเรียงโดย #เหมียวตะปู
ที่มา: ETtoday , AppleDaily , Sinchew , Yahoo
ติดตาม CatDumb ได้ในช่องทางอื่นๆ
Website: www.CatDumb.com
Youtube: www.youtube.com/c/CatDumbTV-Youtube
Instagram: www.instagram.com/catdumbnews/
TikTok: www.tiktok.com/@CATDUMBtv